Web Browser คืออะไร ?

Web Browser หรือเว็บเบราว์เซอร์เป็นโปรแกรมหนึ่งที่ใช้ในการเข้าถึงและแสดงผลเว็บไซต์หรือหน้าเว็บของที่ตั้งอยู่บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยเว็บเบราว์เซอร์ทำหน้าที่

Written by admin

กรกฎาคม 30, 2023

Web Browser คืออะไร ?

Web Browser หรือเว็บเบราว์เซอร์เป็นโปรแกรมหนึ่งที่ใช้ในการเข้าถึงและแสดงผลเว็บไซต์หรือหน้าเว็บของที่ตั้งอยู่บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยเว็บเบราว์เซอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแปลงและแสดงผลเนื้อหาในรูปแบบที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและนำไปใช้งานได้ง่ายและสะดวกต่อการนำเสนอข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์

เว็บเบราว์เซอร์มีภาพลักษณ์ให้เห็นในรูปแบบของหน้าต่างหรือแท็บที่ผู้ใช้งานสามารถเปิดหรือปิดตามต้องการ ผู้ใช้งานสามารถใช้เว็บเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงหน้าเว็บที่ต้องการโดยใส่ URL (Uniform Resource Locator) หรือที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ต้องการในช่องที่กำหนดให้ และเมื่อผู้ใช้งานกด Enter เว็บเบราว์เซอร์จะติดต่อเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บเนื้อหาของเว็บไซต์นั้นๆ และดึงข้อมูลมาแสดงผลบนหน้าต่างหรือแท็บของเบราว์เซอร์

ประวัติความเป็นมาของ Web Browser

ประวัติความเป็นมาของเว็บเบราว์เซอร์เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการพัฒนาอินเตอร์เน็ต (Internet) ในปี ค.ศ. 1990 ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 จนถึงปัจจุบัน มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเว็บเบราว์เซอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการในการเข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์ที่หลากหลายและทันสมัยมากขึ้น

นับเป็นเว็บเบราว์เซอร์แรกที่น่าสนใจสำหรับสาธารณะคือ “WorldWideWeb” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยนาย Tim Berners-Lee ณ ศูนย์ประมวลความคิด CERN ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1990 โปรแกรมนี้เป็นการนำเสนอโครงสร้างหน้าเว็บและลิงก์ (Hyperlink) แรกที่สามารถใช้งานได้จริงบนเครื่องคอมพิวเตอร์

ในปี ค.ศ. 1993 มีเว็บเบราว์เซอร์ “Mosaic” ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมงานที่มหาวิทยาลัยอีลลินอยส์ (NCSA) และถูกเปิดให้ใช้งานฟรี โปรแกรมนี้เป็นเว็บเบราว์เซอร์แรกที่รองรับการแสดงผลภาพและเนื้อหาต่างๆ บนหน้าเว็บด้วยรูปแบบกราฟิก

ต่อมาในปี ค.ศ. 1994 มีเว็บเบราว์เซอร์ “Netscape Navigator” ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Netscape Communications Corporation ทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรก การเปิดตัว Netscape Navigator ทำให้เว็บเบราว์เซอร์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในสามสถาบันการศึกษา ธุรกิจ และทั่วไป

ในปี ค.ศ. 1995 มีการเปิดตัวเวอร์ชันแรกของเว็บเบราว์เซอร์ “Internet Explorer” โดยบริษัท Microsoft ซึ่งเป็นการแข่งขันกับ Netscape Navigator และทำให้เกิดการแบ่งแยกทางธุรกิจและการแข่งขันที่เกิดขึ้นในตลาดเว็บเบราว์เซอร์

ตั้งแต่นั้นมาเว็บเบราว์เซอร์ต่างๆ ได้รับการพัฒนาและอัปเกรดอย่างต่อเนื่อง เนื้อหาที่สามารถแสดงผลบนเว็บเบราว์เซอร์มีความหลากหลายและมีความสามารถมากขึ้น ในปัจจุบันเว็บเบราว์เซอร์ได้รับการออกแบบให้เข้ากับระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ต่างๆ มากมายเช่น คอมพิวเตอร์ เมืองนำทาง (Smartphone) แท็บเล็ต (Tablet) และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์เป็นสิ่งที่ทุกคนในปัจจุบันสามารถทำได้ง่าย และมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงเนื้อหาและบริการต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง

หน้าที่และลักษณการทำงานของเว็บ เบราว์เซอร์

เว็บเบราว์เซอร์มีหน้าที่รับประกอบและแสดงผลต่างๆ ที่ประกอบด้วย HTML (Hypertext Markup Language) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในการสร้างและจัดรูปแบบหน้าเว็บ เมื่อหน้าเว็บแสดงขึ้นที่เบราว์เซอร์ ผู้ใช้งานสามารถทำการคลิกลิงก์ กรอกข้อมูลในฟอร์ม ดาวน์โหลดไฟล์ ดูวิดีโอ เล่นเกม และมีความสามารถอื่นๆ ที่ช่วยให้การใช้งานเว็บไซต์มีความหลากหลายและน่าสนุกมากขึ้น

  1. การแสดงผลเว็บไซต์: เว็บเบราว์เซอร์ทำหน้าที่แสดงผลเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ต้องการเข้าชม โดยรับข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) และแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถแสดงผลได้บนหน้าจอ
  2. การนำทาง (Navigation): เว็บเบราว์เซอร์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำทางไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ผู้ใช้สามารถป้อน URL (Uniform Resource Locator) หรือคำค้นในช่องที่กำหนดไว้ในเว็บเบราว์เซอร์เพื่อเริ่มการนำทางไปยังเว็บไซต์ต่างๆ
  3. การทำงานกับเว็บเพจ: เว็บเบราว์เซอร์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานกับเว็บเพจได้ ซึ่งรวมถึงการคลิกลิงก์ (Hyperlink) เพื่อไปยังเว็บเพจอื่นๆ การกรอกแบบฟอร์ม (Form) เพื่อส่งข้อมูล การเล่นวิดีโอ การใช้งานแมป และฟังก์ชันอื่นๆ ที่มีในเว็บไซต์
  4. การเก็บข้อมูล (Data Storage): เว็บเบราว์เซอร์สามารถเก็บข้อมูลที่สำคัญของผู้ใช้ไว้ในความจำของเบราว์เซอร์เอง ซึ่งรวมถึงคุกกี้ (Cookies) และข้อมูลการเชื่อมต่อ (Caches) เพื่อให้เว็บไซต์ที่เคยเข้าชมกลับมาทำงานได้เร็วขึ้น
  5. ควบคุมความปลอดภัย: เว็บเบราว์เซอร์มีบทบาทในการควบคุมความปลอดภัยของผู้ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์ โดยเช่นการตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ด้วย SSL/TLS การแจ้งเตือนเมื่อเข้าเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย และการป้องกันการโจมตีแบบ Cross-Site Scripting (XSS) และ Cross-Site Request Forgery (CSRF) ฯลฯ
  6. การส่งคำขอและรับข้อมูล: เว็บเบราว์เซอร์เป็นตัวกลางในการส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อขอข้อมูลต่างๆ เช่น รูปภาพ เนื้อหาเพจ และสิ่งอื่นๆ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้

เว็บเบราว์เซอร์เป็นองค์กระบบที่สำคัญในการทำให้เว็บเป็นสิ่งที่สะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่ายในปัจจุบัน การพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ยังคงมีการอัปเกรดและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ

นอกจากนี้เว็บเบราว์เซอร์ยังมีฟังก์ชันเสริมที่ช่วยให้การใช้งานเว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การบล็อกโฆษณา การเก็บบุ๊คมาร์ก (Bookmark) การจัดการรหัสผ่าน การควบคุมความเป็นส่วนตัว และการใช้ส่วนเสริมต่างๆ ที่เพิ่มความสามารถให้กับเว็บเบราว์เซอร์

ความสามารถและฟังก์ชันอื่น ๆ

นอกจากเว็บเบราว์เซอร์ยังมีความสามารถและฟังก์ชันอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์และรับประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ตัวอย่างเครื่องมือและฟังก์ชันที่มีในเว็บเบราว์เซอร์ได้แก่:

  1. ค้นหาเว็บไซต์ (Search Bar): เป็นช่องที่ให้ผู้ใช้กรอกคำค้นหาเพื่อค้นหาเว็บไซต์หรือข้อมูลที่ต้องการในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเบราว์เซอร์จะใช้เครื่องมือการค้นหาเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหานั้น ๆ
  2. แท็บ (Tabs): เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าเว็บไซต์หลาย ๆ หน้าพร้อมกัน แท็บช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดเว็บไซต์ใหม่ๆ หรือเปิดหน้าเว็บไซต์ที่เคยเยี่ยมชมไว้แล้วโดยไม่ต้องปิดหน้าเก่า ซึ่งช่วยให้การนำทางเว็บไซต์เป็นไปอย่างสะดวกและเป็นระเบียบ
  3. บุ๊กมาร์ก (Bookmarks): เป็นการบันทึกลิงก์ของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานเข้าชมบ่อย ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นั้น ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว บุ๊กมาร์กช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บและจัดระเบียบลิงก์ที่สำคัญไว้ตามที่ต้องการ
  4. จับภาพหน้าจอ (Screenshot): เบราว์เซอร์มีความสามารถในการจับภาพหน้าจอของเว็บไซต์ที่กำลังแสดงอยู่ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการบันทึกสถานะหรือข้อมูลที่สนใจไว้
  5. ควบคุมขนาดตัวหนังสือ (Text Zoom): เครื่องมือนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับขนาดตัวหนังสือในหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับความต้องการและความสะดวกในการอ่าน
  6. ซ่อนแถบนำทาง (Hide Navigation Bar): เป็นการซ่อนแถบเมนูหรือแถบนำทางเพื่อให้พื้นที่หน้าจอแสดงเนื้อหาของเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งช่วยให้การเปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่กว้างขึ้นมีความสะดวกมากขึ้น
  7. การบันทึกข้อมูลและรหัสผ่าน (Autofill): เบราว์เซอร์สามารถบันทึกข้อมูลและรหัสผ่านของผู้ใช้งานไว้เพื่อให้สามารถใช้งานในครั้งถัดไปได้ง่ายและรวดเร็ว

เว็บเบราว์เซอร์มีความสามารถหลากหลายและเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และควบคุมประสบการณ์การใช้งานได้ตามต้องการ แต่ละเบราว์เซอร์อาจมีความสามารถที่ไม่เหมือนกัน

Web Browser มีอะไรบ้าง ?

เว็บเบราว์เซอร์มีหลากหลายแบรนด์และรุ่นที่ให้บริการ ตัวอย่างของเว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมและใช้กันอย่างกว้างขวางได้แก่:

  1. Google Chrome: เป็นเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในโลก พัฒนาโดย Google มีความเสถียรและความเร็วในการทำงาน มาพร้อมกับคุณสมบัติที่หลากหลาย เช่น การบล็อกโฆษณา การจับกลุ่มแท็บ (Tab Grouping) และความปลอดภัยที่สูง >> ดาวน์โหลด Google Chrome
  2. Mozilla Firefox: เป็นเบราว์เซอร์ที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมความเป็นส่วนตัวในการเรียกเก็บข้อมูล มีความเสถียรและมาพร้อมกับคุณสมบัติการควบคุมความเร็วในการเรียกดู รวมถึงความละเอียดที่สูงในการแสดงผลภาพ ดาวน์โหลด Mozilla Firefox
  3. Microsoft Edge: เป็นเบราว์เซอร์ที่พัฒนาโดย Microsoft มีรูปแบบการทำงานที่มีความเสถียรและประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการ Windows และมาพร้อมกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่ให้ผู้ใช้ควบคุมได้ ดาวน์โหลด Microsoft Edge
  4. Safari: เป็นเบราว์เซอร์ที่พัฒนาโดย Apple ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้ใช้ macOS และ iOS มีความเร็วและความเสถียรในการทำงาน รวมถึงคุณสมบัติที่ให้บริการเฉพาะตัวสำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการแอปเปิล ตัวนี้ดาวน์โหลดไม่ได้ มีแค่รายละเอียดเพิ่มเติม >> รายละเอียด Safari
  5. Opera: เป็นเบราว์เซอร์ที่มีการออกแบบให้เน้นความคุ้นเคยและความสะดวกสบายในการใช้งาน มีคุณสมบัติที่เพิ่มเติมในการควบคุมการใช้งานแท็บและการปรับแต่งที่สูง ดาวน์โหลด Opera
  6. Brave: เป็นเบราว์เซอร์ที่มีความเน้นที่ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมการตั้งค่าความปลอดภัย มีระบบบล็อกโฆษณาอย่างเข้มงวดและให้ความสำคัญกับความเร็วในการทำงาน ดาวน์โหลด Brave

เว็บเบราว์เซอร์ทุกแบรนด์มีลักษณะและความสามารถที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เว็บเบราว์เซอร์ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของผู้ใช้งาน ในปัจจุบันนี้ผู้คนสามารถเปิดใช้งานหลายๆ เว็บเบราว์เซอร์พร้อมกันและสลับการใช้งานได้ตามสะดวกสบายเพื่อตอบสนองความต้องการในการทำงานและเรียนรู้ข้อมูลในแบบที่ต้องการ

นอกจากนี้ยังมีเว็บ เบราส์เซอร์อื่นๆ อีกมากมาย ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้เว็บเบราว์เซอร์ตามความชอบและความต้องการในการใช้งานเว็บไซต์ ขึ้นอยู่กับความสะดวกสบายและความพึงพอใจของแต่ละบุคคล

Microsoft 365

Microsoft 365

สั่งซื้อ คลิก >>  Microsoft 365 รายปี ที่ Thai Config ได้แล้ว

gmail google workspace อีเมล์บริษัท

Google Workspace

สั่งซื้อ คลิก >>  Google Workspace รายปี ที่ Thai Config ได้แล้ว

โฆษณา



SWAP Memory คืออะไร

SWAP Memory หรือ Swap Space คือพื้นที่ที่ใช้ในฮาร์ดดิสก์ของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นพื้นที่เสริมในการจัดการหน่วยความจำ...

Imunify360 คืออะไร ?

Imunify360 คืออะไร ?

Imunify360 คือซอฟต์แวร์ระบบความปลอดภัยสำหรับเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท CloudLinux Inc....

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ …